ไม้เท้าพูดได้สำหรับคนพิการทางสายตา(A Talking Cane For the Blind) เป็นไม้เท้านำทางคนพิการทาง สายตาที่ไม่สามารถมองเห็นได้ ที่นำเทคโนโลยีตัวตรวจจับชนิดจำแนกความถี่วิทยุ(Radio Frequency Identification Device : RFID) มาใช้เพื่อบอกตำแน่งพิกัดของสถานที่ให้ทราบ โดยใช้ไมโครคอนโทรลเลอร์แปลความหมายของสัญญาณที่มาจากตัวตรวจจับแบบ RFID ที่ตรวจพบว่ามีป้ายอิเล็กทรอนิกส์ RFID ฝังไว้ใต้พื้นที่ที่กำหนดให้เป็นตัวเลขรหัสของบัตรแล้วนำค่าไปเปรียบเทียบกับตัวเลขรหัสของบัตรที่มีในฐานข้อมูล หากพบว่ารหัสตรงกันจึงจะส่งสัญญาณไปเปิดเครื่องเล่นเสียงที่มีการบันทึกเสียงพูดบอกชื่อสถานที่ไว้แล้ว โดยไม้เท้าพูดได้ต้นแบบนี้สามารถบอกชื่อสถานที่ได้ 5 จุดและแจ้งการตรวจพบป้าย RFID ที่ไม่มีในฐานข้อมูลได้
ไม้เท้าพูดได้สำหรับคนพิการทางสายตา(A Talking Cane For the Blind) จึงสร้างขึ้นสำหรับใช้เป็น เครื่องมือช่วยเหลือคนพิการทางสายตาให้รับรู้ชื่อสถานที่ปัจจุบันโดยการฟังเสียงพูดที่บันทึกไว้
ไอเดียนี้เป็นของสองนักออกแบบนามว่า Pierre และ Damien กับหนึ่งสุดยอดนักขับรถแข่งนามว่า Stef van Campenhoudt ที่ช่วยกันสร้าง"ฟอนต์" (Font) หรือชุดตัวอักษรไว้ใช้บนคอมพิวเตอร์ด้วยรถยนต์ Toyota iQ เขาทำได้ไง?
พวกเขาใช้กล้องหนึ่งตัวจับภาพการเคลื่อนที่จากด้านบน โดยตัวถังรถจะถูกติดด้วยสติีกเกอร์ 4 สี(แดง, เหลือง, ฟ้า และเขียว) บริเวณด้านหน้า และบนหลังคา จากนั้นกล้องจะจับภาพการเคลื่อนที่ของรถยนต์ เพื่อส่งให้ซอฟต์แวร์ที่พัฒนาโดย Zach Lieberman (อ้าว...ตกหล่นไปอีกคนหนึ่งที่ร่วมก่อการครั้งนี้) วิเคราะห์การเคลื่อนที่ของจุดสีทั้ง 4 บนตัวถังรถ แล้วลากเส้นให้กลายเป็นตัวอักษรขึ้นมา เหมือนกับเรากำลังเขียนตัวหนังสือ โดยใช้การเคลื่อนที่ของ Toyota iQ นั่นเอง โห...คิดได้ไงเนี่ย คลิปข้างล่างนี้จะแสดงให้เห็นขั้นตอนของการทำงานโดยละเอียด
คุณสามารถดาวน์โหลดฟอน์ตชุดนนี้ได้ ซึ่งต้องบอกว่า มันเป็นการสร้างแบรนด์ผ่านคลิปไวรัลที่ทำให้ผู้ใช้ได้นำผลลัพธ์(ชุดฟอนต์)ไปใช้ได้อีกด้วย ถือว่าเป็นอีกหนึ่งสุดยอดไอเดียที่มาจากนักโฆษณาผสานกับสองนักออกแบบ นักขับรถแข่ง และนักพัฒนาซอฟต์แวร์โดยแท้ เจ๋งครับเจ๋ง!!!
https://doc-00-6s-docs.googleusercontent.com/docs/secure/364ccv2q2b84o512kh3dikuvjnqgn69b/vf23tbk5hg5bcmce3699hmlrtmvopou6/1289325600000/09771839728146309429/09771839728146309429/0B8kcNO8ApOEgOTRmNWI0MDYtYTg3Ni00YTU0LTk5YzktOWEwMzAwMTRiYmE0?e=download&nonce=hcme3u33340sg&user=09771839728146309429&hash=vno56boehjqeqj5ojorolppilqmcamvr
dfgfdgdfgdfg
เม้าส์ตัวใหม่ของ Apple ก็คลอดออกมาสู่ตลาดเป็นที่เรียบร้อย และมีการเปลี่ยนชื่อจากตระกูล Mighty Mouse มาเป็น Magic Mouse ส่วนหนึ่งน่าจะมาจากกรณีที่เครื่องหมายการค้า Mighty Mouse ได้ถูกรับรองสิทธิเป็นของบริษัทอื่นไปเมื่อไม่นานมานี้ โดยเจ้า Magic Mouse นี้มาพร้อมกับเทคโนโลยี Multi-touch ก่อนหน้านี้เคยมีสิทธิบัตรบางชิ้นของ Apple ที่เป็นการนำเอาเทคโนโลยี Multi-touch มาใช้งานในรูปแบบของเม้าส์ไร้ปุ่ม แต่ใช้การสัมผัสแบบต่างๆ ในการควบคุมแทน รวมถึงเทคโนโลยีอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอย่างการนำ Multi-touch มาใช้ในพื้นผิวสามมิติรูปแบบต่างๆ ซึ่งเจ้า Magic Mouse นี้ก็เป็นรูปแบบหนึ่งเช่นกัน
รูปร่างหน้าตา Magic Mouse ได้รับการออกแบบให้มีรูปร่างผอมเพียวกว่าเมื่อเทียบกับ Mighty Mouse พื้นผิวไม่มีปุ่มใดๆทั้งสิ้น การใช้งานใช้การสัมผัสแบบ Gesture ในการสั่งงานรูปแบบต่างๆ เช่นการปัด การถู หรือการคลิกในตำแหน่งที่กำหนด ในส่วนนี้คงต้องใช้เวลาในการทำความคุ้นเคยกันสักพัก การเชื่อมต่อกับเครื่องคอมพิวเตอร์ ใช้การเชื่อมต่อแบบไร้สายผ่านเทคโนโลยี Bluetooth ราคาค่าตัวอยู่ที่ 69 เหรียญสหรัฐ (2,390 บาท) สำหรับผู้ที่ซื้อ iMac รุ่นใหม่ จะได้ Magic Mouse รวมอยู่ด้วย
แม้ Magic Mouse ตัวใหม่จะดูตื่นตาตื่นใจ แต่ก็ยังมีข้อสงสัยกันอยู่ว่า ในการใช้งานจริงแล้ว จะสามารถใช้งานทดแทนการมีปุ่มหลายๆปุ่ม เพื่อเรียกใช้ Expose และอื่นๆได้หรือไม่ รวมถึงหากใช้งานกับโปรแกรม 3 มิติบางตัวที่ต้องใช้ปุ่มที่ 3 จะสามารถใช้งานได้อย่างไร คงต้องรอดูกันอีกสักระยะ (อย่างไรก็ตามถ้ามันหนักหนามากนัก การจะซื้อ Mouse ที่มี 3 ปุ่มมาใช้สักอัน ก็ไม่ใช่เรื่องที่หายากอะไร ปัจจุบันก็เป็นที่รู้โดยทั่วกันอยู่แล้วว่า Mac OS X ใช้งานกับ USB Mouse โดยทั่วไปได้)
คงจะเท่ห์ไม่เบา หาก PDA phone ที่เราใช้ๆงานกันอยู่มันจะมีลูกเล่นเป็น Projector ด้วยในตัว เมื่อ LG เตรียมออก LG eXpo ในวันที่ 7 ธันวาคมนี้ จะเป็นการเปิดตัว PDa Phone รุ่นใหม่ที่มาพร้อมกับอุปกรณ์เสริมอย่าง DLP Projector เครื่องฉายโปรเจ็กเตอร์ขนาดจิ๋ว ในตัว ซึ่งยังไม่เคยมีใครทำมาก่อน LG eXpo เป็นเครื่อง PDA phone ในรูปแบบ Windows mobile 6.5 ซึ่งมี Spec ที่ไม่ธรรมดาเลยครับเพราะมันใช้ CPU ความเร็วระดับ 1GHz มาพร้อมคีย์บอร์ด QWERTY แบบสไลด์ด้านข้าง หน้าจอทัชสกรีนขนาด 3.2 นิ้ว ความละเอียด 800 x 480 พิกเซล กล้องดิจิตอล 5 ล้านพิกเซล รองรับการ์ดหน่วยความจำ microSD
จุดขายของเครื่อง PDA Phone รุ่นนี้มันอยู่ที่อุปกรณ์เสริมที่เป็น DLP projector ซึ่งเป็นโปรเจคเตอร์แบบเลนส์เดี่ยว ที่สามารถนำมาใช้งานร่วมกับ LG eXpo รุ่นนี้ได้ โดยมันจะเป็นอุปกรณืเสริมที่นำมาติดด้านหลังตัวเครื่อง เพื่อทำการฉายภาพไม่ว่าจะเป็นสไลด์ต่างๆในด้านการทำงานพรีเซ็นท์ทั่วๆไปหรือ คลิป VDO ต่างๆที่เราเก็บไว้ในเครื่อง โดยมันจะสามารถฉายภาพได้ใหญ่ถึง 40 นิ้ว โดยมีน้ำหนักเฉพาะตัว Projector ที่นำมาเสริมนี้เพียง 51 กรัมเท่านั้น แต่ราคาถือว่าเร้าใจหากใครที่ซื้อใช้ในต่างประเทศ โดยทาง AT&T เปิดราคามาที่ 199 เหรียญเท่านั้น โดยมีสัญญาการใช้สองปี ส่วนเครื่องแบบ unlock คิดว่าเดี๋ยวก็ต้องมีมาวางจำหน่ายอย่างแน่นอนครับ แต่ราคานี้ต้องซื้อเจ้าตัวโปรเจคเตอร์เป็นอุปกรณ์เสริมต่างหากอีก 179 เหรียญ
พูดถึงเรื่องอายุหลอดของ DLP แบบนี้ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าอายุหลอดมันจะยาวแค่ไหน เพราะโดยส่วนใหญ่อายุของ DLP ทั่วๆไปก็ไม่ค่อยจะยาวนานกันสักเท่าไรนัก แต่หากมองในแง่ความสะดวกในการใช้งาน ก็ถือว่าสะดวกดีไปเครื่องเดียว สามารถพรีเซ้นท์งาน ปิดการขายแบบรวดเดียวจบด้วยอุปกรณ์เล็กๆแค่บนฝ่ามือเท่านั้นเอง
สองนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเคโอ (Keio) ในประเทศญี่ปุ่น ได้พัฒนาอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในห้องครัวที่มาพร้อมกับฟังก์ชัน"เว็บ"ในเครื่องเดียวกัน นั่นก็คือ เตาอบไมโครเวฟที่เล่่นวิดีโอจากยูทูบบนหน้าจอ LCD ขนาด 10.1 นิ้ว ซึ่งอยู่ที่บริเวณบานเปิดด้านหน้า โดยมันมีชื่อเรียกว่า "แคสต์โอเว่น" (Castoven)
แน่นอนว่า นักวิจัยทั้งสองย่อมไม่ลืมที่จะติดตั้งลำโพงเข้าไปด้วย โดยระบบการทำงานของ Castoven จะเชือมต่อกับแม็ค (เข้าใจว่ามันน่าจะทำงานได้กับคอมพิวเตอร์ที่รันวินโดวส์ด้วยเหมือนกัน) แนวคิดดังกล่าวได้ถูกเผยแพร่ในงานวิจัยที่ได้มีการตีพิมพ์ตั้งแต่ปีที่แล้ว โดยวัตถุประสงค์ของทั้งสองคือ ต้องการทำให้ชีวิตในทุกๆ วันของผู้คนมีคุณค่าเพิ่มขึ้นจากคอนเท็นต์บนเว็บที่มากับอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า (แม้จะอยู่ในครัวก็จะไม่รู้สึกว่า มันน่าเบื่ออีกต่อไป)
ไอเดียหลักของการทำงาน หน้าจอ LCD จะเลือกแสดงคลิปวิดีโอยูทูบ (YouTube) ที่มีความยาวเท่ากับเวลาที่ตั้งอุ่นอาหารใน Castoven ตัวอย่างเช่น คุณต้องการอุ่นอาหารเป็นเวลานาน 4 นาที Castoven ก็จะเลือกโหลดวิดีโอจากยูทูบที่มีความยาวเท่ากันมาเล่นบนหน้าจอ ซึ่งเมื่อเล่นคลิปจบอาหารก็อุ่นเสร็จพอดี
สำหรับซอฟต์แวร์ที่ใช้ควบคุมการทำงานของ Castoven จะใช้เครื่องมือพัฒนาแอพฯ Adobe AIR ซึ่งจะดึงวิดีโอจาก API ของยูทูบ (YouTube) อย่างไรก็ตาม Castoven ยังไม่มีวางจำหน่าย แต่คุณอาจจะได้ใช้มันในอนาคตอันใกล้นี้ก็ได้ (ล่าสุดซัมซุงเริ่มจำหน่ายทีวีที่สามารถโหลดคลิปจากยูทูบได้แล้ว)
ลองไปดูตัวอย่างการทำงานของเจ้า Castoven กันหน่อยดีไหมครับ ให้สังเกตที่บานเปิดด้านหน้าของเตาอบไมโครเวฟนะครับ ไม่ใช่สาวน้อยที่มานำอาหารมาอุ่น อิอิ